วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2552


คำกล่าวแนะนำบุคคลสำคัญ
นายคำ กาไวย์


คำประกาศเกียรติคุณ


นายคำ กาไวย์ เกิดเมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๗๗ ณ จังหวัดเชียงใหม่ เป็นบุคคลที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้สืบสานพัฒนาสร้างสรรค์ศิลปะการแสดงพื้นบ้านล้านนาด้วยความรัก และทุ่มเทจนเป็ฯที่ประจักษ์แก่บุคคลทั่วไปว่าเป็นศิลปินที่มีความเชี่ยวชาญอย่างสูง ยิ่งในด้านการฟ้อนรำพื้นบ้านล้านนาแล้ว นายคำ กาไวย์ นอกจากเป็นศิลปินที่เชี่ยวชาญในด้านการตีกลองสะบัดชัย กลองปูเจ่ และยังมีความคิดสร้างสรรค์ประดิษฐ์ กระบวนฟ้อนรำแบบล้านนาที่มีชื่อเสียงหลายชุด เช่น ฟ้อนสาวไหมชาย-หญิง ฟ้อนเครื่องเขน ฟ้อนวี ฟ้อนดาบ ตามคำพรรรณนาในมหาชาติฉบับสร้อยสังกรณ์ ฯ เป็นศิลปินที่ได้รับการยกย่องสูงเด่นของลานนา นายคำ กาไวย์ จึงได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง (การแสดงพื้นบ้าน - ช่างฟ้อน) ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๓๕



รางวัล & เกียรติคุณ


ปีที่ได้รับ ๒๕๓๕

ชื่อรางวัล รางวัล ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง(การแสดงพื้นบ้าน-ช่างฟ้อน)

หน่วยงานที่มอบ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ
คำปราศรัย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
(นายแพทย์มงคล ณ สงขลา)
เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงสาธารณสุข
วันที่ 27 พฤศจิกายน 2549
----------------------------
สวัสดีครับ พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รักทุกท่าน

นับตั้งแต่ล้นเกล้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ได้สถาปนากระทรวงสาธารณสุขขึ้นในปี 2485 จนมาถึงโอกาสวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงสาธารณสุข ครบปีที่ 64 ในวันนี้ ถือได้ว่าความสำเร็จของกระทรวงสาธารณสุข ในการแก้ปัญหาสุขภาพของคนไทยเป็นที่ยกย่องชมเชยของทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นการลดความรุนแรงของโรคเรื้อนและโรคเท้าช้าง การลดอัตราการตายของแม่และเด็ก การให้วัคซีนป้องกันโรคได้ครอบคลุมมากกว่าร้อยละ 90 การดูแลแก้ไขปัญหาเอดส์ให้ผู้ที่ติดเชื้อ เข้าถึงยาต้านไวรัสได้ปีละกว่าแสนคน เป็นอาทิ ดังนั้นในโอกาสนี้ ผมขอขอบคุณผู้มีส่วนร่วมในการปฏิบัติงานสาธารณสุขทุกท่านที่ได้ปฏิบัติงานอย่างเข้มแข็งมาโดยตลอด
อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ด้านสุขภาพที่เปลี่ยนไปตามการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ จะเห็นว่ามีโรคอุบัติใหม่ที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ในปัจจุบันเพิ่มขึ้น ได้แก่ โรคไข้หวัดนกในคน และโรคอื่น ๆ ซึ่งต้องเฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลา และปัญหาสุขภาพหลักของคนไทยในขณะนี้ ได้เปลี่ยนเป็นปัญหาโรคเรื้อรังที่เกิดจากวิถีการดำเนินชีวิต และสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น ความเจ็บป่วยและพิการจากอุบัติเหตุบนท้องถนนจากการบริโภคสุรา ปัญหาภาวะโภชนาการเกินจากการบริโภคอาหารที่ไม่ถูกต้องนำไปสู่โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรค-หลอดเลือด อัมพาต อัมพฤกษ์ รวมทั้งปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น บุหรี่ การใช้สารเสพติด และพฤติกรรมทางเพศที่ไม่ปลอดภัย

ดังนั้น การบริการสาธารณสุขที่ดีเพียงด้านเดียวไม่สามารถทำให้บรรลุเป้าหมายสุขภาพดีถ้วนหน้าได้ แต่จะต้องปรับมาเป็น การบริการสาธารณสุขบวกกับพลังทางสังคม ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมให้มากที่สุด เพราะประชาชนคือเจ้าของสุขภาพเองและเรื่องสุขภาพอยู่ในทุกอณูของการดำเนินชีวิตและการทำงานทุกเรื่อง

อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขยังมีหน้าที่สานต่องานสำคัญเช่น โครงการตามพระราชดำริ โครงการเฉลิมพระเกียรติต่างๆ การพัฒนาสุขภาพประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาความไม่สงบและการจัดบริการต่างๆ ดังที่รัฐบาลได้กำหนดให้นโยบายด้านสุขภาพไว้ว่า จะมุ่งเน้นการพัฒนาสุขภาวะของประชาชนในทุกมิติ ทั้งกาย จิตใจ สังคม และปัญญา โดยพัฒนาระบบบริการให้ครอบคลุมเข้าถึงชุมชน ทั้งภาวะปกติและฉุกเฉิน ที่มีความสมดุลทั้งการสร้างสุขภาพ ป้องกันโรค รักษาพยาบาล และฟื้นฟูสมรรถภาพอย่างมีคุณภาพและเป็นธรรม

พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รักทุกท่านครับ ในโอกาสนี้ ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก ได้โปรดประทานพร ปกป้อง คุ้มครองพี่น้องประชาชน ขอให้มีสุขภาพพลานามัยแข็งแรง สมบูรณ์ ถึงพร้อมด้วยจตุรพิธพรชัย สืบไป

คำกล่าวปิด
การเสวนาเครือข่ายจัดการความรู้ระหว่างมหาวิทยาลัย ครั้งที่ ๑๒ (๑/๒๕๕๑)
เรื่อง “การบริหารจัดการงานประจำสู่งานวิจัย (Routine to Research)
ในสถาบันอุดมศึกษาอย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพ”

ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร
อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล

ขอบคุณทุกๆ มหาวิทยาลัยเครือข่าย ที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมเสวนาฯ ในครั้งนี้ ผมเชื่อว่า R2R หรือ Routine to Research นั้น เป็นโครงการที่มีประโยชน์ โดยคำๆนี้เกิดขึ้นจากพวกเราชาวมหาวิทยาลัยเองที่ถูกมองจากสังคมว่า เป็นบ่อเกิดของวิชาการและงานวิจัย ย้อนหลังไปเมื่อ 7 ปี ที่แล้ว ในขณะนั้นผมยังดำรงตำแหน่งคณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้มีส่วนร่วมในการคิดริเริ่มโครงการ R2R ขึ้น แม้จะได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากนักวิจัยมืออาชีพ ว่า สิ่งที่ทำอยู่ไม่ใช่งานวิจัย เพราะงานวิจัยจริงๆน่าจะวิเคราะห์ให้ลึกกว่านี้ และเสียงอีกส่วนหนึ่งมาจากผู้ปฏิบัติงานประจำว่า ผู้บริหารให้ทำงานที่ยุ่งยากซับซ้อนเกินความสามารถของ พวกเขา โดยกลัวคำว่างานวิจัยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ตามพวกเราก็ยังคงยืนยันว่าจะต้องทำให้เกิด R2R ในโรงพยาบาลศิริราชให้ได้ ในที่นี้ผมจึงขอยืนยันว่า ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมในส่วนใด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการลดระยะเวลาในการทำงาน หรือการสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นก็ตาม เหล่านี้ก็ถือว่าเป็นการวิจัยได้ทั้งนั้น ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นงานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารชื่อดังเท่านั้น แต่ R2R เป็นได้ตั้งแต่งานวิจัยขนาดเล็กต่อยอดไปสู่งานวิจัยขนาดใหญ่ได้ หากมีการตั้งโจทย์ที่เจาะลึกลงไปเรื่อยๆ จึงขอเป็นกำลังใจให้ทุกสถาบัน ในการทำกิจกรรม R2R
ในปัจจุบันในวงการมหาวิทยาลัยมีคำกล่าวที่ว่า Good University teaches but Great University transforms people นั่นหมายความว่าขณะนี้การสอนไม่เน้นให้ตอบคำถามเพียง อย่างเดียว แต่เน้นให้“ถามเป็น”มากขึ้น ซึ่งคำถามจะกระตุ้นให้ค้นหาคำตอบ ค้นพบวิธีได้มาซึ่งคำตอบ เหล่านี้เองทำให้มหาวิทยาลัยกลายเป็นแหล่งภูมิปัญญาของประเทศ และสามารถพัฒนาไปได้อย่างต่อเนื่อง โดยบุคลากรทั้งหมดของมหาวิทยาลัยจะต้องมุ่งเป้าไปในทิศทางเดียวกัน คือ ต้องมีความคิดสร้างสรรค์จากงานประจำ
จากที่ผมเองมีส่วนร่วมในกิจกรรม R2Rของโรงพยาบาลศิริราชนั้น ในระยะเริ่มแรกเริ่มต้นขึ้นได้ที่หน่วย HA โดยพบว่าหลังจากเริ่มต้นไปได้ระยะหนึ่ง ก่อให้เกิดการรวมกลุ่มความถนัดขึ้นมาเกือบ 80 กลุ่ม ทำอย่างไรจึงจะต่อยอดไปสู่งานวิจัยได้ จึงนำกลุ่มทั้งหลายมาร่วมกันค้นคิดคำถามงานวิจัย โดยได้รับความร่วมมือจากหลายๆ ท่าน ไม่ว่าจะเป็น ศาสตราจารย์นายแพทย์วิจารณ์ พานิช อ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ ศาสตราจารย์นายแพทย์ประเวศ วะสี จึงขอเรียนให้ทุกท่านทราบว่า R2R ไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากคนๆ เดียว จะต้องได้รับการสนับสนุนจากหลายฝ่ายโดยเฉพาะผู้บริหาร โดยในส่วนของผู้บริหารเองจะต้องลด command and control โดยใช้ให้น้อยลง ไม่เช่นนั้นจะเกิดนักวิจัยแบบ R2R ได้ยาก และสิ่งที่อยากจะฝากทุกๆ ท่านในวันนี้คือ ทุกท่านต้องกลับไปจุดไฟกระตุ้นผู้บริหาร ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารที่อยู่เหนือท่านขึ้นไป หรือแม้กระทั่งผู้บริหารระดับสูง ให้เห็นความสำคัญ โดยตัวผมเองโชคดีที่ได้มีโอกาสร่วมงานกับ R2R ของโรงพยาบาลศิริราชตั้งแต่เริ่มต้น เพราะเห็นความสำคัญและเห็นประโยชน์ที่จะได้รับจากงานในส่วนนี้ ดังนั้นเมื่อได้รับตำแหน่งอธิการบดี จึงพยายามอย่างยิ่ง ที่จะผลักดันให้เกิด R2R ในทุกส่วนของมหาวิทยาลัย เพราะเกิดประโยชน์ในการพัฒนาหน้างานทั้งสิ้น และขอย้ำกับทุกๆ ท่านในที่นี้อีกครั้งว่า R2Rมิใช่กิจกรรมที่จะเกิดขึ้นได้ในโรงพยาบาลเท่านั้น โดยเฉพาะเรื่องการเรียนการสอนเป็นเรื่องแรกๆ ที่ควรจะทำให้เกิด R2R เพราะ Research in Education มีความสำคัญมาก
ขอให้การมารวมตัวกันในวันนี้กลายเป็นการก่อเกิด CoPs ของ R2R ซึ่งเราจะร่วมมือกัน ช่วยเหลือกัน และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน และสิ่งที่จะขาดเสียไม่ได้สำหรับการตั้งต้น R2R นั้น ไม่อาจเกิดขึ้นได้จากคณะกรรมการเพียงชุดเดียว ต้องอาศัยคณะทำงานที่เข้มแข็งเพื่อคอยให้ความช่วยเหลือในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการให้กำลังใจและการสนับสนุน ด้านทรัพยากร ซึ่งผมเชื่อเหลือเกินว่า แต่ละมหาวิทยาลัยมีวัฒนธรรมที่คล้ายๆ กัน คือ Leadership คุณธรรมจริยธรรม ความเป็นมืออาชีพและนวัตกรรม ถ้าทุกๆ มหาวิทยาลัยทำให้เกิดขึ้นได้แล้วกระจายออกไปสู่สังคม เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าประเทศไทยจะเจริญยิ่งๆ ขึ้นไปอย่างแน่นอน
สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณและฝากความหวังไว้กับทุกๆ ท่านว่า เราจะยังคงร่วมมือกับเครือข่ายนี้ต่อไป จะติดตามผลการดำเนินการ และแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันอย่างต่อเนื่อง ให้เกิดเป็น Learning Organization ที่ชัดเจน ผมเชื่อว่าพวกเราทำได้และขอขอบคุณผู้จัดงานในครั้งนี้ ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในการดำเนินงานในหน่วยงานของท่านให้เจริญยิ่งๆ ขึ้นไป ขอบคุณครับ

คำกล่าวเปิดงาน
งานประเพณีลอยกระทง มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร ประจำปี ๒๕๔๗
วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๔๗
ณ ริมห้วยทราย บริเวณป้ายมหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร
-----------------------------------------------
เรียน รองอธิการบดี คณาจารย์ เจ้าหน้าที่ นักศึกษา คณะกรรมการจัดงานและแขก
ผู้มาร่วมงานทุกท่าน
ดิฉันรู้สึกยินดี และเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้มาเป็นประธานในพิธีเปิดงานประเพณีลอยกระทง มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร ประจำปี ๒๕๔๗ ในครั้งนี้
ดิฉันขอแสดงความชื่นชมคณะกรรมการจัดงาน องค์การบริหารนักศึกษา สภานักศึกษา สโมสรนักศึกษาทุกคณะ ทั้งภาค กศ.ป. และภาค ปกติ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมถึงผู้มาร่วมงานทุกท่าน ที่ให้ความสำคัญ ได้ร่วมกันสืบทอดประเพณีอันดีงามของไทยเราเอาไว้ ทำให้เด็กรุ่นหลังได้รู้จักกับประเพณีลอยระทงและได้ร่วมกันสืบทอดต่อไป
ดิฉันขออวยพรให้คณะกรรมการจัดงาน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงาน ผู้มาร่วมงานทุกท่าน จงประสบแต่ความสุขความเจริญ และขอให้การดำเนินงานในครั้งนี้สำเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้ทุกประการ
บัดนี้ ได้เวลาอันสมควรแล้ว ดิฉันขอเปิดงานประเพณีลอยกระทง มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร ประจำปี ๒๕๔๗ ณ บัดนี้

คำกล่าวรายงาน ของประธานการจัดการแข่งขัน เนื่องในพิธีเปิด การแข่งขันกีฬานักเรียน โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม จังหวัดปัตตานี ครั้งที่ 3 ประจำปี 2547 วันที่ 19 เดือน สิงหาคม 2547 ณ สนามกีฬากลาง จังหวัดปัตตานี

กราบเรียน ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีที่เคารพอย่างสูงกระผมในนามของคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬานักเรียนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ประจำปี 2547 ตลอดจน คณะนักกีฬา กองเชียร์ และครูผู้ควบคุมทีม ซึ่งพร้อมกันอยู่ ณ ที่นี้ ขอขอบคุณท่านผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เป็นอย่างสูง ที่ได้กรุณาให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขัน และขอถือโอกาสนี้ กราบเรียนวัตถุประสงค์ ตลอดจนการดำเนินการในด้านต่างๆ เพื่อโปรดทราบพอสังเขปดังนี้ การแข่งขันกีฬานักเรียนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ของจังหวัดปัตตานี ได้จัดการแข่งขันติดต่อกันมาเป็นประจำทุกปี ตามมติของชมรมผู้บริหารโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม และศูนย์การกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดปัตตานี โดยให้ทุกกลุ่มกีฬาผลัดเปลี่ยนกัน เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 กลุ่มโคกโพธิ์เป็นเจ้าภาพร่วมกับศูนย์การกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดปัตตานี จัดให้มีการแข่งขัน ในระหว่างวันที่ 16-19 สิงหาคม 2547 มีโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ที่เปิดสอนวิชาศาสนาควบคู่สามัญ เข้าร่วมแข่งขัน รวม 55 โรงเรียน มีนักเรียนทั้งสิ้น 36,442 คน โดยแบ่งโรงเรียนทั้งหมดออกเป็น 11 กลุ่มกีฬา ดังนี้
1. กลุ่มยะรัง อำเภอยะรัง มี 7 โรงเรียน
2. กลุ่มบายูดารุสสลาม อำเภอทุ่งยางแดง มี 4 โรงเรียน
3. กลุ่มอิบนู บะห์รี อำเภอปะนาเระ มี 2 โรงเรียน
4. กลุ่มลาโตบาโบเค-แมส อำเภอปะนาเระ อำเภอยะหริ่ง มี 5 โรงเรียน
5. กลุ่มหนองจิกสัมพันธ์ อำเภอหนองจิก มี 4 โรงเรียน
6. กลุ่มสลินดงบายู อำเภอสายบุรี อำเภอไม้แก่น มี 5 โรงเรียน
7. กลุ่มมะดีนะห์ อำเภอเมือง มี 5 โรงเรียน
8. กลุ่มบะดัร อำเภอเมือง มี 4 โรงเรียน
9. กลุ่มมายอสามัคคี อำเภอมายอ มี 7 โรงเรียน
10. กลุ่มสายบุรี อำเภอสายบุรี มี 5 โรงเรียน
11. กลุ่มโคกโพธิ์ อำเภอโคกโพธิ์ มี 7 โรงเรียนกีฬาที่จัดให้มีการแข่งขัน มี 8 ประเภทกีฬา ได้แก่ฟุตบอลชาย เซปัคตะกร้อชาย แฮนด์บอลหญิง แชร์บอลหญิง วอลเลย์บอลชายและหญิง แบดมินตันชายและหญิงเดี่ยว เทเบิลเทนนิสชายและหญิงเดี่ยว เปตองทีมชายและทีมหญิง และปีนี้จัดให้มีกรีฑาชายประเภทลู่ เพิ่มขึ้นด้วย สนามที่ใช้ทำการแข่งขันการแข่งขันมี 4 สนาม ได้แก่ สนามโรงเรียนเบญจมราชูทิศ สนามโรงเรียนเดชะปัตตนยานุกูล สนามมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี และสนามกีฬากลางการจัดการแข่งขันกีฬานักเรียนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม มีวัตถุประสงค์ ดังนี้
1. เพื่อส่งเสริมให้นักเรียน ได้มีโอกาสเล่นและแข่งขันกีฬาอย่างทั่วถึง
2. เพื่อให้นักเรียนได้ตระหนักถึงประโยชน์และคุณค่าของการเล่นกีฬา สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้
3. เพื่อส่งเสริมและพัฒนาเจตคติของนักเรียนสู่พฤติกรรมที่พึงประสงค์ โดยใช้กิจกรรมกีฬาเป็นสื่อ ในการป้องกันยาเสพติด
4. เพื่อให้นักเรียน ได้รู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
5. เพื่อเป็นการเชื่อมสัมพันธ์ไมตรี ระหว่างโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามด้วยกันการจัดการแข่งขันกีฬานักเรียนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนพร้อมทั้งให้คำปรึกษาจาก บุคคล หน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน โดยเฉพาะองค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี ได้ให้การสนับสนุนงบประมาณ จำนวน 300,000 บาท รวมทั้งอำนวยความสะดวกในเรื่องต่างๆ เป็นอย่างดียิ่ง จึงขอขอบคุณทุกท่านทุกหน่วยงานเป็นอย่างสูงไว้ ณ ที่นี้ด้วย เพื่อเป็นการตอบแทนต่อ บุคคล หน่วยงาน ที่สนับสนุน ให้การจัดการแข่งขันกีฬานักเรียนโรงเรียนเอกชน ครั้งนี้ ดำเนินไปด้วยดี บรรลุตามวัตถุประสงค์ จึงขอกราบเรียนเชิญท่านประธาน ได้โปรดมอบเกียรติบัตรให้แก่บุคคล และหน่วยงานต่างๆ ดังต่อไปนี้
1. นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี
2. นายกเทศมนตรีเมืองปัตตานี
3. นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปัตตานี
4. ผู้จัดการบริษัทหาดทิพย์จำกัด
5. รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี
6. ผู้อำนวยการโรงเรียนเบญจมราชูทิศ จังหวัดปัตตานี
7. ผู้อำนวยการโรงเรียนเดชะปัตตนยานุกูล
8. ผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนเจริญศรีศึกษา
9. ผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนวรคามินทร์อนุสรณ์
10. ผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนจิปิภพพิทยา
11. ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี
12. ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคปัตตานีบัดนี้ ได้เวลาอันสมควรแล้ว กระผมขอกราบเรียนเชิญท่านประธาน ได้โปรดให้โอวาทแก่นักกีฬาและกล่าวเปิดการแข่งขันกีฬานักเรียนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ของจังหวัดปัตตานี ประจำปี 2547 ต่อไป (ขอเรียนเชิญ )

วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2552

สปอร์ตโฆษณา รณรงค์สร้างจิตสำนึกวัยรุ่น
เรื่อง หยุด! พฤติกรรมเสี่ยง “เด็กแวนซ์ และเด็กสก๊อยซ์”
เวลา 30 วินาที
เขียนบทโดย นางลัดดาวรรณ วงษ์แพทย์


ภาพ
ECU: ภาพใบหน้าของเด็กชายคนหนึ่ง
DS: ภาพเด็กชายกลับเข้าบ้านหลังเลิกเรียน เดินเข้าภายในบ้านพร้อมโชว์สมุดขึ้นเล่มหนึ่ง
CU: พ่อแม่ของเด็กชายนั่งอยู่ที่โซฟา ภายในบ้านแล้วหันมามองหน้าลูกชายด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
MS: ภาพเด็กชายนั่งอยู่ระหว่างกลางพ่อแม่ (ตัดภาพ)
CU: ใบหน้าของพ่อแม่ที่ยิ้มแย้มดีใจที่ลูกสอบเข้าเรียนตามที่อยากเรียนได้ (ตัดภาพ)
LS: บรรยากาศตอนกลางคืน วัยรุ่นกำลังจับกลุ่มแข่งรถจักรยานยนต์บนท้องถนนอย่างคึกคะนอง
LS: เด็กชายพาเพื่อนหญิงซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์มาเพื่อเข้ากลุ่มแข่งรถฯ แล้วพบกับกลุ่มวัยรุ่นที่จอดรออยู่
CU: หน้าของเด็กชาย

CU: หน้าของวัยรุ่นที่ท้าแข่งรถฯ
MS: ภาพเด็กชายกับพวกวัยรุ่นจับมือกัน
LS: ภาพบรรยากาศการแข่งขันรถจักรยานยนต์
LS: ภาพรถยนต์ตัดหน้ารถจักรยานยนต์ของเด็กชาย
DS: ภาพใบหน้าพ่อแม่ของเด็กชายนั่งร้องไห้
CG: ตัวหนังสือ “หยุด! พฤติกรรมเสี่ยงของคุณ ด้วยการไม่ทำให้คนที่คุณรัก “เสียใจ” ”




บรรยายภาพ / เสียง
เพลงบรรเลง
“กลับมาแล้วครับ ผมมีข่าวดีมาบอก”
“ว่าไงจ๊ะลูกรัก”
“ผมสอบผ่านได้เข้าเรียนต่อที่โรงเรียน.......... แล้วครับคุณพ่อคุณแม่”
“ไหนบอกพ่อกับแม่ซิว่าลูกอยากได้อะไรเป็นของขวัญ”
เสียงบรรยากาศตอนแข่งรถฯ
“เฮ้ย !!! โอ้โฮ ได้รถฯมาใหม่ซะด้วย แถมมีหญิงซ้อนท้ายมาอีกต่างหากแฮะ สนใจแข่งประลองความเร็วกันหน่อยมั้ยล่ะ กล้าหรือป่าว”
“ได้ แล้วจะมีอะไรเป็นรางวัลล่ะ รถของเราเพิ่งถอยมาใหม่แรงกว่ารถฯพวกนายอยู่แล้ว”
“ถ้าใครชนะได้ควงหญิงของอีกฝ่าย สนใจมั้ยล่ะ”
“ได้ ตกลงตามนั้น”
เสียงบรรยากาศการแข่งขันฯ
เสียงสัญญาณรถพยาบาล
เสียงเพลงทางเลือก ศิลปินอีโบล่า (Ebola)
บรรยาย: หยุด พฤติกรรมเสี่ยงของคุณ ด้วยการไม่ทำให้คนที่คุณรักต้องเสียใจ
บทวิทยุรายการ ทำดีเพื่อพ่อ แทนคุณแผ่นดิน
เรื่อง บริหารด้วย “พระเดชพระคุณ”
ออกอากาศ สถานีวิทยุกระจายเสียง ๙๑๒ สนภ.๔ นทพ. จ.นราธิวาส
ระบบ เอ.เอ็ม. ความถี่ ๗๕๖ กิโลเฮิรตซ์ และ เอฟ.เอ็ม. ความถี่ ๙๙.๑๐ เมกกะเฮิรตซ์
วัน/เวลา
๑ ส.ค. ๕๒
ดำเนินรายการ พ.ต.หญิงสุพรทิพย์ คำทรงศรี
เขียนบท น.ส.ฟาซียะห์ ตาเยะ


ผู้จัดรายการ
จิงเกิ้ลรายการ ทำดีเพื่อพ่อ แทนคุณแผ่นดิน
สวัสดีคะคุณผู้ฟัง รายการ"ทำดีเพื่อพ่อแทนคุณแผ่นดิน" ทางวส.๙๑๒ สนภ.๔ นทพ. จังหวัดนราธิวาส ในระบบ เอฟ.เอ็ม. ความถี่ ๙๙.๑๐ เมกกะเฮิรตซ์ และ ระบบ เอ.เอ็ม.ความถี่ ๗๕๖ กิโลเฮิรตซ์ ในช่วงเวลา ๑๖.๐๐ น - ๑๖.๓๐ น. โดยมี ดิฉัน สุพรทิพย์ คำทรงศรี เป็นผู้ดำเนินรายการ รายการที่ส่งเสริมให้ทุกคนทำความดี ความดีอะไรก็ได้ ที่ไม่ต้องยิ่งใหญ่ อาจจะเป็นความดีเล็ก ๆ แต่เมื่อทำแล้ว ได้สร้างความสุขให้กับตนเอง ครอบครัว และสังคมต่อไปคะ
เพลง………………………… คุณผู้ฟังค่ะ คนส่วนมากเชื่อว่า คนจะมีอำนาจได้นั้นต้องเป็นคนที่มียศถาบรรดาศักดิ์หรือมีตำแหน่งสูงๆ เท่านั้น ซึ่งนั้นเป็นการมองในมุมเดียว อันได้แก่อำนาจตามตำแหน่งหน้าที่หรือพระเดช ซึ่งก็ไม่แปลก เพระมันเป็นอะไรที่เห็นได้ชัดที่สุด อำนาจตามตำแหน่งหน้าที่ คืออำนาจตามบทบาทที่ยอมรับกันในการให้คุณหรือให้โทษแก่ผู้อื่น หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ อำนาจที่กำหนดโดยองค์กรและบทบาทน้าที่ของงานที่ทำอยู่ อำนาจมีผลในการตกรางวัลหรือคาดโทษบุคคลที่ทำงานไม่สำเร็จ การมีอำนาจตามตำแหน่งหน้าที่มากๆ ใช่ว่าเป็นสิ่งที่ดีเสมอไป ถ้าเรารู้ว่าตำแหน่งที่เราเป็นอยู่มีอำนาจมากการกระจายอำนาจออกเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ไม่เช่นนั้น ทุกกการตัดสินใจต้องวิ่งมารอที่เราคนเดียว และโดยหลักการปฏิบัติแล้ว ความรับผิดชอบของคนที่อยู่ในตำแหน่งสูง คือการวางแผนและการวางนโยบายให้แก่องค์กรมากกว่าการตัดสินใจในเรื่องที่เป็นงานประจำวัน ถ้าไม่มีการกระจายอำนาจ ถนนทุกสายก็จะมุ่งตรงมาที่ผู้นำเพื่อรอการตัดสินใจ บทหนักจะตกมาอยู่ที่ผู้นำ วันๆ ไม่ต้องทำอะไรนอกจากนั่งเป็นเจ้าที่ คอยตัดสินใจให้แก่ลูกน้องในแต่ละเรื่อง ซึ่งจะส่งผลให้เวลาในการทำงานกับหน้าที่ที่ควรทำน้อยลงและสุดท้ายก็จะมาจบลงตรงที่ ขนงานของตัวเองกลับไปทำต่อที่บ้าน ทำให้ความสมดุลในเรื่องงานและส่วนตัวสูญเสียไป ดังนั้นการมีอำนาจตามตำแหน่งหน้าที่ ยิ่งมีมากเท่าไร ยิ่งควรกระจายออกไปมากเท่านั้น คนส่วนมากเชื่อว่า คนจะมีอำนาจได้นั้นต้องเป็นคน
ผู้จัดรายการ
ที่มียศถาบรรดาศักดิ์หรือมีตำแหน่งสูงๆ เท่านั้น ซึ่งนั้นเป็นการมองในมุมเดียว อันได้แก่อำนาจตามตำแหน่งหน้าที่หรือพระเดช ซึ่งก็ไม่แปลก เพระมันเป็นอะไรที่เห็นได้ชัดที่สุด
เพลง..............................
อำนาจตามตำแหน่งหน้าที่ คืออำนาจตามบทบาทที่ยอมรับกันในการให้คุณหรือให้โทษแก่ผู้อื่น หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ อำนาจที่กำหนดโดยองค์กรและบทบาทน้าที่ของงานที่ทำอยู่ อำนาจมีผลในการตกรางวัลหรือคาดโทษบุคคลที่ทำงานไม่สำเร็จ การมีอำนาจตามตำแหน่งหน้าที่มากๆ ใช่ว่าเป็นสิ่งที่ดีเสมอไป ถ้าเรารู้ว่าตำแหน่งที่เราเป็นอยู่มีอำนาจมากการกระจายอำนาจออกเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ไม่เช่นนั้น ทุกกการตัดสินใจต้องวิ่งมารอที่เราคนเดียว และโดยหลักการปฏิบัติแล้ว ความรับผิดชอบของคนที่อยู่ในตำแหน่งสูง คือการวางแผนและการวางนโยบายให้แก่องค์กรมากกว่าการตัดสินใจในเรื่องที่เป็นงานประจำวัน ถ้าไม่มีการกระจายอำนาจ ถนนทุกสายก็จะมุ่งตรงมาที่ผู้นำเพื่อรอการตัดสินใจ บทหนักจะตกมาอยู่ที่ผู้นำ วันๆ ไม่ต้องทำอะไรนอกจากนั่งเป็นเจ้าที่ คอยตัดสินใจให้แก่ลูกน้องในแต่ละเรื่อง ซึ่งจะส่งผลให้เวลาในการทำงานกับหน้าที่ที่ควรทำน้อยลงและสุดท้ายก็จะมาจบลงตรงที่ ขนงานของตัวเองกลับไปทำต่อที่บ้าน ทำให้ความสมดุลในเรื่องงานและส่วนตัวสูญเสียไป ดังนั้นการมีอำนาจตามตำแหน่งหน้าที่ ยิ่งมีมากเท่าไร ยิ่งควรกระจายออกไปมากเท่านั้นแต่คุณรู้หรือไม่ว่า อำนาจตามตำแหน่งหน้าที่นี้ เป็นอะไรที่ไม่จีรังยั่งยืน มาง่ายและไปง่ายกว่าอำนาจเฉพาะบุคคลหรือพระคุณคนคนหนึ่งสามารถมีตำแหน่งการงานก้าวหน้าไปได้เรื่อยๆ และสิ่งที่ตามมาคืออำนาจตามตำแหน่งหน้าที่ แต่เมื่อครั้นบุคคลผู้นี้เกษียณหรือมีเหตุที่ทำให้หลุดพ้นออกจากตำแหน่งอำนาจนี้ก็จะหายไปในทันที ถึงตอนนี้อาจมีหลายคนเริ่มเถียงแล้วว่า ไม่จริง ผู้ที่เกษียณอายุออกมาหลายคนยังได้รับการยกย่องและความเกรงอกเกรงใจอยู่ แต่การยกย่องและความเกรงใจที่เขาได้รับนั้น หาได้มาจากอำนาจ ตามตำแหน่งหน้าที่ไม่ หากแต่มาจากอำนาจเฉพาะบุคคลของเขาต่างหาก อำนาจเฉพาะบุคคล คืออำนาจที่ผู้คนรอบข้างมอบให้ ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อมั่นและการได้รับความนับถือจากผู้อื่น – ความสามารถในการสร้างความสวามิภักดิ์และพันธสัญญา - คุณเคยสังเกตไหมว่าทำไมคนบางคนแค่เพียงเอ่ยถึงปัญหาหรือความกังวลที่เขามี ทุกคนที่อยู่รอบข้างก็ไม่รีรอที่จะยื่นมือเข้ามาช่วย แต่ในขณะที่อีกคนหนึ่งแค่เพียงทำให้คนรอบข้างยอมรับ ก็เป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็ญเสียแล้วเพลง…………………………
ผู้จัดรายการ
คุณผู้ฟังค่ะผู้นำที่ประสบความสำเร็จหาใช่ผู้นำที่เลือกระหว่างการใช้ “พระเดช” ที่มาพร้อมกับอำนาจตามตำแหน่งหรือการใช้ “พระคุณ” อันเป็นพื้นฐานของการสร้างอำนาจเฉพาะตน หากแต่ผู้นำที่ประสบความสำเร็จคือผู้นำที่สามารถสร้างสมดุลระหว่างการใช้ “พระเดช” และ “พระคุณ” อย่างมีประสิทธิภาพต่างหาก
รายการทำดีเพื่อพ่อ แทนคุณแผ่นดิน จะกลับมาพบกับ คุณผู้ฟังอีกครั้งในวันต่อไป ทั้ง ๒ ระบบ ที่คลื่นความถี่ดังกล่าว เวลา ๑๖๐๐ - ๑๖๓๐ และก่อนจากกันในวันนี้ คุณผู้ฟังท่านใดที่มีเรื่องราวของการทำความดี หรือ พบเห็นการทำความดี สามารถนำเรื่องเหล่านี้มาแบ่งปัน เป็นความสุขใจแก่กันและกันได้ โดยส่งบทความมาที่ วส.๙๑๒ สนภ.๔ นทพ. อ.เมือง จ.นราธิวาส และ ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมกันทำความดี ถวายในหลวง ของเรา นะค่ะ สวัสดีคะ